7 ธรรมเนียมวันคริสต์มาส (ฉบับออริจินอล)

ธรรมเนียมวันคริสต์มาส คริสต์มาสเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซูคริสต์ ซึ่งตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ในต่างประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาคริสต์ ถือเอาช่วงนี้เป็นวันหยุดยาว เพื่อให้คริสตชนได้กลับไปใช้ชีวิต พบปะสังสรรค์ และอยู่กับครอบครัวในช่วงเวลาสำคัญของปีนั่นเอง และแน่นอนว่าคริสต์มาสก่อให้เกิดประเพณี หรือประเพณีปฏิบัติทางวัฒนธรรมต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแขวนถุงเท้าประดับต้นคริสต์มาส แต่ละประเพณีมีความสำคัญอย่างไร? วันนี้เราจะพาไปรู้จักกัน

คริสต์มาสเป็นเทศกาลแห่งความสุขที่ชาวคริสต์ทั่วโลกตั้งตารอ คนไทยส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่คริสเตียนก็เช่นกัน แต่เราไม่เคยปฏิเสธความสนุก สดใส และบรรยากาศดีๆ ทันคริสต์มาสพอดีเลยใช่ไหม? แต่คุณรู้หรือไม่ว่าตำนานคริสต์มาสไม่ได้เกี่ยวกับซานตาคลอสเท่านั้น เพราะมีเรื่องราวคริสต์มาสที่น่ากลัวซ่อนอยู่ด้วย หากคุณต้องการทราบตำนานเพิ่มเติมเกี่ยวกับด้านมืดของคริสต์มาส โปรดอ่าน 6 ตำนานเหล่านี้

วันคริสต์มาสเป็นวันที่ชาวคริสต์เฉลิมฉลองการประสูติของ พระเยซูคริสต์ เป็นวันสำคัญของคริสตชนทั่วโลก เพราะการประสูติของนางเป็นการประสูติพระบุตรขององค์ผู้สูงสุดในครรภ์พรหมจารี

 

7 ธรรมเนียมวันคริสต์มาส ที่มีการทำมากที่สุด

 

 

 

ถุงเท้าแขวน
ธรรมเนียมวันคริสต์มาส เมื่อถึงเวลาคริสต์มาสอีฟจะนิยมแขวนถุงน่องไว้หน้าเตาผิง หรือบนต้นคริสต์มาส เพราะเชื่อกันว่า ซานตาคลอส จะใส่ของขวัญที่ต้องการไว้ในถุงเท้านั่นเอง แต่แท้จริงแล้วที่มาของการแขวนถุงน่องมาจากความเชื่อที่ว่าการวางหญ้าแห้งไว้ในรองเท้าจะทำให้หญ้าแห้งเพื่อเลี้ยงลาเมื่อนักบุญนิโคลัส (ซานตาคลอส คนแรก) ผ่านไป และจะใส่เหรียญเงินไว้ในรองเท้าเป็นรางวัล หรือบางคนเชื่อว่ามี 3 พี่น้องที่ยากจนจนต้องไปทำงานเป็นโสเภณี ข้อมูลเกี่ยวกับเซนต์นิโคลัส พวกเขาจึงนำเหรียญทองโยนลงไปในปล่องไฟ แต่เหรียญกลับตกลงไปในถุงเท้าของพี่น้องสามคนที่ห้อยอยู่หน้าปล่องไฟ รุ่งเช้า 3 พี่น้องมาหาเหรียญ ทำให้พวกเขามีความสุขและเลิกคิดที่จะเป็นโสเภณี หลังจากนั้น หลายคนก็แขวนถุงน่องคริสต์มาส หวังว่าจะได้ของขวัญที่คล้ายกัน

เคาะประตู ร้องเพลงแครอลลิ่ง (CAROLING)
อีกประเพณีหนึ่งที่ยังคงปฏิบัติอยู่คือการไปเยี่ยมเพื่อนบ้าน คนรู้จัก หรือญาติในวันคริสต์มาสเพื่อขอพรและนำความสุขมาสู่ผู้เป็นที่รัก พวกเขารวมตัวกันและเคาะประตูทีละคนเมื่อประตูเปิดออกแล้วพวกเขาก็ร้องเพลงสองสามเพลง จะตอบแทนผู้ที่มาร้องอย่างกรุณาเมื่อได้รับพรด้วยของว่าง อาหาร และเครื่องดื่ม เพลงคริสต์มาสยอดนิยม ได้แก่ คริสต์มาสสีขาว” “ ซานตาคลอส กำลังจะมาถึงเมือง” และ “รูดอล์ฟกวางเรนเดียร์จมูกแดง”

ปัจจุบันภาคธุรกิจ ห้างร้าน โรงแรม ฯลฯ ยังได้นำกิจกรรมนี้มาสร้างความสุขตอบแทนลูกค้าในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่อีกด้วย

ต้นคริสต์มาส (ทุกคน)
จุดเริ่มต้นคือประเทศเยอรมนี ระหว่างทางกลับบ้านภายใต้ชื่อ “มาร์ติน ลูเธอร์” เขาหันไปเห็นความงามของแสงจันทร์ที่ส่องผ่านกิ่งไม้ เมื่อกลับถึงบ้านก็ออกไปตัดต้นไม้เล็กๆ ในบ้าน เอาเทียนมาประดับ ดังนั้น ประเพณีคริสต์มาส นี้จึงแพร่หลายไปทั่วเยอรมนี จนกระทั่งราชวงศ์อังกฤษได้ให้ความสำคัญกับการประดับต้นไม้ชนิดนี้อย่างจริงจัง ส่งผลให้ผู้คนทั่วโลกหันมาตกแต่งต้นคริสต์มาสกันมากขึ้น

เพราะต้นคริสต์มาสเปรียบเสมือนต้นไม้บนสวรรค์ ตามพระคัมภีร์พระเยซูเปรียบได้กับต้นไม้แห่งชีวิต เป็นต้นไม้ที่เขียวขจีในทุกฤดูกาลและเป็นตัวแทนของภาพลักษณ์นิรันดร์ของพระเยซูคริสต์ แสงสว่างของเขาเหมือนแสงเทียนที่ส่องสว่างในความมืด และรวมถึงการแสดงความยินดีและการมีส่วนร่วมจากพระเยซู เพราะศูนย์กลางของครอบครัวในวันคริสต์มาสคือต้นไม้

คู่สีแดง-เขียว (RED AND GREEN COLORS)
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมคริสต์มาสถึงมีสีแดงและสีเขียว? สีแดงแสดงถึงความรักโดยพระโลหิตของพระเยซูบนไม้กางเขน และแสดงถึงความรักและความศรัทธาของคริสตชนที่มีต่อพระเยซู ใช้ผลไม้มงคลสีแดงเป็นสัญลักษณ์

ทิ้ง MILK AND ROOTS ไว้กับซานต้า
เชื่อกันว่าซานตาคลอสจะมาเยี่ยมเด็กๆ ในคืนก่อนวันคริสต์มาส ซานตาคลอส ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อส่งของขวัญที่เด็กๆ ต้องการ เพราะเขาต้องรีบส่งของขวัญให้เด็กๆ ก่อนรุ่งสางขอบคุณซานต้า ด้วยเหตุนี้ ประเพณีการวางคุกกี้กับนมสดข้างเตาผิงสำหรับซานตาคลอส บางครั้งก็ให้แครอทสำหรับกวางทั้ง 9 ตัวด้วย ควรเตรียมก่อนเข้านอนจะดีกว่า

ดูหนังมาราธอน (THE A CHRISTMAS STORY MARATHON ON TBS)
ทุกวันคริสต์มาส TBS รายการโทรทัศน์ยอดนิยมของอเมริกาจะฉายภาพยนตร์หรือภาพยนตร์เกี่ยวกับคริสต์มาสตลอดทั้งวัน หรือการวิ่งมาราธอนนั่นเอง บ่อยครั้งที่คริสต์มาสเป็นเวลาของครอบครัว หลายคนมักเดินทางกลับภูมิลำเนา กินข้าวด้วยกัน ดังนั้น การดูหนังในช่วงวันหยุดคริสต์มาสจึงเป็นกิจกรรมที่ช่วยเติมเต็มความสุขในครอบครัวที่ไม่ได้เจอกันนาน

มิสเซิลโท (มิสเซิลโท)
ธรรมเนียมวันคริสต์มาส มีต้นกำเนิดมาจากความเชื่อของชาวเซลติกที่ว่าทุกฤดูหนาวในยุโรปจะมีคืนหนึ่งซึ่งกลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน หรือที่เรียกว่า “เหมายัน” ชาวเคลต์ใช้มิสเซิลโทเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิต ฮอลลี่เป็นสัญลักษณ์แห่งการปกป้องคุ้มครองแขวนไว้หน้าประตูบ้านเพราะเชื่อกันว่าสามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้และทำต่อเนื่องกันจนกลายเป็น ประเพณีคริสต์มาส อีกประเพณีหนึ่ง ใบฮอลลี่มักจะได้รับการตกแต่งเพื่อแสดงถึงการปกป้อง แขวนไว้หน้าประตูบ้านเพราะเชื่อว่าช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดี

เชื่อเถอะ ผู้ชายจะถือโอกาสจูบผู้หญิงที่เขาชอบหรือต้องการ ใต้ต้นมิสเซิลโท ถ้าผู้หญิงปฏิเสธ เธอจะมีโชคร้ายตลอดทั้งปี และนี่คือที่มา จูบคนรักใต้ต้นมิสเซิลโทจะทำให้ความรักยืนยาว ประเพณีคริสต์มาส ก็มาจากที่นี่เช่นกัน บางเรื่องมีมานานหลายร้อยปี บางเรื่องสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นประเพณีเฉลิมฉลองคริสต์มาส

 

บทความแนะนำ